Tuesday, 21 March 2023

เส้นทางประท้วงใหญ่ในจีน ความไม่พอใจที่ลุกลามเป็นการขับไล่ “สี จิ้นผิง”

ประท้วงในจีน นโยบายปราศจากโควิดเป็นเหตุ ไล่เรียงที่มาการคัดค้านในจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อขับไล่ไสส่ง “สี จิ้นผิง”

“ประเทศจีน” กับ “การคัดค้าน” ดูเหมือนจะเป็น 2 คำที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ ด้วยลักษณะการปกครองของจีนที่ออกจะครัดเคร่งให้ประชาชนอยู่ใต้กฎที่ต้องปฏิบัติตาม จนประชาชนไม่กล้าหือกับทางการ

แม้กระนั้น ในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ทั้งโลกได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็น นั่นคือการคัดค้านในหลายพื้นที่ทั่วประเทศจีน รวมทั้งรุนแรงถึงขั้นมีการเรียกร้องให้ผู้นำจีน สี จิ้นผิง ออกมาจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยพบมาก่อนตลอดเวลาที่ดูแลประเทศ 10 ปี

หลายคนบางทีอาจสงสัยว่า เรื่องราวในประเทศจีนดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง นิวมีเดีย พีพีทีวี ได้ไล่ลำดับเรื่องสำคัญที่เอามาสู่การคัดค้านใหญ่คราวนี้

เรื่องราวทั้งหมดจะต้องย้อนไปตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งพบการระบาดของ “เชื้อไวรัสโรคปอดปริศนา” ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ เป็นที่แรกในโลก รวมทั้งเมื่อองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้มันเป็นโรคระบาดใหญ่ (Pandemic) ด้วยชื่อสากลว่า “โควิด-19” ทางการจีนก็ตัดสินใจที่จะใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์ (Lockdown)” เมืองอู่ฮั่นเป็นที่แรก

ประท้วงในจีน โควิด ล็อกดาวน์

ประท้วงในจีน มาตรการล็อกดาวน์คือการสั่งปิดเมือง

ห้ามคนเข้าออก รวมทั้งห้ามไม่ให้ประชาชนออกมาจากบ้านโดยไม่จำเป็น กระนั้นโควิด-19 ก็ยังคงเล็ดรอดรวมทั้งแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของจีนอยู่ดี ดังเช่นว่า เมืองปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ซินเจียง ฯลฯ

ทางการจีนก็เลยประกาศนโยบาย “Zero COVID” หรือโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อควบคุมรวมทั้งลดการระบาดของโควิด-19 ในระดับที่จะต้องไม่พบผู้ติดเชื้อโรคในประเทศเลย ผ่านมาตรการล็อกดาวน์รวมทั้งกฎที่ต้องปฏิบัติตามที่ครัดเคร่งต่างๆ

แม้กระนั้น การล็อกดาวน์ที่นานเกินไปเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์ รวมทั้งต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ความรู้สึกไม่ชอบใจเริ่มก่อตัว ซึ่งประชาชนก็เลือกที่จะระบายความรู้สึกไม่ชอบใจผ่านสื่อเครือข่ายสังคมภายในประเทศ ดังเช่นว่า เวยปั๋ว

แต่เปลี่ยนเป็นว่า ข้อมูลหรือรายละเอียดที่เกี่ยวกับความรู้สึกไม่ชอบใจที่ประชาชนมีต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือการบอกเล่าเรื่องราวรวมทั้งผลพวงด้านลบของการล็อกดาวน์ ดังเช่นว่า การขาดแคลนอาหาร การไม่สามารถดำเนินงานได้ กลับถูก “เซ็นเซอร์” รวมทั้งถูกลบออกจากเครือข่ายสังคมทั้งหมด

ความรู้สึกไม่ชอบใจเริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อโรงพยาบาลชั่วคราวหรือสถานที่กักกันผู้ติดเชื้อโรคนิดหน่อยมีสภาพที่ย่ำแย่ รวมทั้งเกิดการบังคับกักตัวอย่างผิดกฎหมายด้วยการใช้ความร้ายแรง

กระทั่งในเดือน พ.ย. 2021 โลกพบการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) รวมทั้งเปลี่ยนภัยรุกรามใหม่ต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน เมื่อมันสามารถหลุดรอดเข้ามาได้ในช่วงช่วงเวลากลางเดือน เดือนธันวาคม 2021 รวมทั้งแพร่ขยายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้

ประชาชนจีนคิดว่า การหลุดรอดเข้ามาของโอมิครอนเป็นตัวบ่งชี้ว่า นโยบาย Zero COVID รวมทั้งมาตรการล็อกดาวน์เป็นสิ่งที่ไม่มีคุณภาพ ไร้ประโยชน์ รวมทั้งมีแต่ว่าจะสร้างผลเสียต่อเศรษฐกิจจีนรวมทั้งความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ความเชื่อมั่นและมั่นใจในทางการจีนของประชาชนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

นอกนั้น เซี่ยงไฮ้ถูกล็อกดาวน์ภายใต้มาตรการที่ครัดเคร่ง ทำให้ประชาชนขาดแคลนอาหารรวมทั้งยา เวลาที่กฎสำคัญของการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้อย่าง “การแยกคนที่ติดเชื้อโรคออกมาจากคนที่ไม่ติดเชื้อโรค” ก็ทำให้มีการพรากลูกไปจากบิดามารดาโดยไม่ยินยอม นอกเหนือจากนั้น ยังมีการฆ่าหมาทิ้ง ถ้าหากผู้ครอบครองติดโควิด-19 ซึ่งจีนกล่าวถึงว่าเพื่อคุ้มครองการแพร่เชื้อ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดแจ้งว่า หมาสามารถแพร่โควิด-19 มาสู่คนได้หรือไม่

หรือเมื่อครั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวมณฑลเสฉวนช่วงต้นเดือน ก.ย. ประชาชนก็วิพากษ์วิจารณ์ทางการจีน ด้วยเหตุว่ามีการสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนย้ายถิ่นหรือหนีออกมาจากอาคาร เหตุเพราะยังมีการ “ล็อกดาวน์” คุ้มครองโควิด-19 อยู่

เรื่องเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกไม่ชอบใจของประชาชนถูกสุมไปเรื่อยๆรวมทั้งเกิดการปะทุระลอกเล็กในช่วงปลายเดือน ต.ค. ที่มีการคัดค้านในช่วงที่มีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งนับว่าเป็นการเกิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังพบผู้ติดเชื้อโรคในโรงงานของ ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ฐานผลิตไอโฟนรายใหญ่ในเมืองเจิ้งโจว จนจะต้องล็อกดาวน์บุคลากรกว่า 200,000 คนเอาไว้ภายในเขตโรงงาน แต่ว่าในวันที่มีการประกาศล็อกดาวน์ ปรากฏภาพแรงงานมากไม่น้อยเลยทีเดียว “แห่หนีตาย” ออกมาจากโรงงาน ด้วยเหตุว่าไม่อยากถูกกักตัว

ประท้วงในจีน Zero Covid สีจิ้นผิง

การล็อกดาวน์เสมือนจะเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยดี

แต่ว่าบุคลากรหลายร้อยคนกลับออกมาคัดค้าน ประท้วงในจีน ทำลายข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งกล้องวงจรปิด นิดหน่อยเถียงรวมทั้งปะทะกับเจ้าหน้าที่ จนจะต้องมีการใช้แก๊สน้ำตา

บุคลากรกล่าวว่า พวกเขาได้รับการกระทำที่ไม่ดี อาหารที่จัดไว้ไม่เพียงพอเพียง บุคลากรใหม่หลายคนไม่ได้โบนัสพิเศษอย่างที่บริษัทข้อตกลงไว้ รวมทั้งหลายคนเริ่มกลุ้มอกกลุ้มใจว่าโควิดจะระบาดขยาย

กระทั่งในช่วงช่วงเวลากลางเดือน พ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบอกว่าทางการจีนกำลังจะยอมบรรเทามาตรการ ทำให้ชาวจีนพอเพียงจะมีหวังได้บ้างว่าจะหลุดพ้นจากความเข้มงวดนี้เสียรู้ พร้อมด้วยเริ่มมีการคัดค้านอย่างเป็นทางการครั้งแรกในกว่างโจวช่วงวันที่ 15 พ.ย.

แต่ว่าเมื่อเริ่มมีการบรรเทามาตรการนิดหน่อย จีนกลับรายงานพบผู้ติดเชื้อโรคทะลุ 30,000 รายตั้งแต่ช่วงวันที่ 23 พ.ย. เยอะที่สุดนับจากมีการระบาดของโควิด-19 ในจีน จนมีการประกาศเข้มมาตรการอีกที

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชาวจีนระเบิดความรู้สึกไม่ชอบใจออกมา คือเหตุเพลิงไหม้อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมือง “อูหลู่มู่ฉี” ของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งมีคนตาย 10 ราย

ที่ความรู้สึกไม่ชอบใจปะทุออกมาก็สืบเนื่องมาจากนักผจญเพลิงไม่สามารถฉีดน้ำเข้าไปดับไฟในอาคารได้ ด้วยเหตุว่ามี “แบร์ริเออร์” กั้นเขตล็อกดาวน์ รวมทั้งรถราของผู้อาศัยในอะพาร์ตเมนต์กีดขวางอยู่

ความรู้สึกไม่ชอบใจทั้งหมดที่ประชาชนชาวจีนสั่งสมมาเกือบ 3 ปีจึงระเบิดออก เปลี่ยนเป็นการคัดค้านใหญ่ในหลายเมืองทั่วประเทศจีน โดยข้อเรียกร้องของกลุ่มคนประท้วงคือ อยากให้มีการยกเลิกนโยบายปราศจากโควิด เรียกร้องเสรีภาพสำหรับการแสดงออก เรียกร้องให้ สี จิ้นผิง ลาออก รวมทั้งเรียกร้องให้มีการยุบพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ยังไม่มีผู้ใดสามารถประเมินได้ว่า ความระส่ำระสายภายในประเทศจีนคราวนี้จะขยายตัวหรือรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่ว่านี่นับว่าเป็นบทเรียนสำคัญของจีนเลยว่า การไม่รับฟังเสียงของประชาชนนั้น จะมีผลตามมายังไง จากความรู้สึกไม่ชอบใจที่เป็นเสมือนแค่ไฟที่ปลายไม้ขีดเล็กๆกลับขยายบานปลายเปลี่ยนเป็นความโมโหที่รุนแรงระดับกองเพลิงกองย่อมๆ