Wednesday, 22 March 2023

The Last of Us: “เชื้อราซอมบี้” มีจริงไหม และจะเปลี่ยนมนุษย์เป็นผีดิบได้หรือไม่

เดอะลาสต์ออฟอัส (The Last of Us) ซีรีส์จากค่าย HBO ที่สร้างขึ้นจากวิดีโอเกมส์ชื่อดังกำลังเขย่าขวัญผู้ชมด้วยเรื่องราวสุดสยองของเชื้อราที่แปลงมนุษย์ให้กลายเป็นซอมบี้

ตามเนื้อเรื่องระบุว่า เมื่อมนุษย์ได้รับสปอร์เชื้อราชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย เห็ดราก็จะเติบโตขึ้นแล้วเข้าควบคุมความคิดจิตใจ จนกระทั่งเจ้าของร่างสูญเสียการควบคุมตัว และถูกออกคำสั่งให้ปีนขึ้นสู่ที่สูง

เชื้อราปรสิตจะกัดกินเหยื่อจากข้างใน เพื่อสกัดสารอาหารทั้งหมดจากร่างเหยื่อสำหรับเตรียมนำไปสู่ขั้นสุดท้าย

เจมส์ กาลาเฮอร์ ผู้ดำเนินรายการอินไซด์เฮลธ์ (Inside Health) ทางสถานีวิทยุสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีเรดิโอโฟว์นำเสนอว่า ฉากหนึ่งในเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าหนังสยองขวัญทั้งปวงก็คือ ภาพของแขนงแห่งความตายที่แตกออกออกมาจากหัวเหยื่อผู้ถูกเชื้อราซอมบี้เข้าครอบครอง ซึ่งในเวลาต่อมา ร่างเหยื่อเหล่านี้จะแพร่สปอร์เชื้อรามรณะออกไปรอบตัว เพื่อมนุษย์บุคคลอื่นติดเชื้อแล้วกลายสภาพเป็นซอมบี้เหมือนกัน

เดอะลาสต์ออฟอัส เชื้อราคอร์ดิเซปส์

กาลาเฮอร์บอกว่าแม้เนื้อเรื่องนี้จะเป็นเพียงนิยายสยองขวัญ แต่ก็มีเค้าโครงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ

เชื้อราปรสิตที่ชื่อ คอร์ดิเซปส์ (Cordyceps) และก็โอฟิโอคอร์ดิเซปส์ (Ophiocordyceps) ได้รับสมญานามว่า “เชื้อราซอมบี้” เพราะว่าสามารถควบคุมร่างกายของแมลงให้มีพฤติกรรมจากซอมบี้ได้ รวมทั้งเซอร์ เดวิด แอตเทนบะระ นักธรรมชาติวิทยาชื่อดังชาวอังกฤษก็เคยพรีเซนเทชั่นเรื่องราวนี้เอาไว้ภายในสารคดีชุดแพลุกลนเน็ตเอิร์ธ (Planet Earth) ของสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีที่บ่งบอกถึงเชื้อราประเภทนี้เข้าสั่งการและกัดกินมดตัวหนึ่ง

ภาพน่าตะลึงงันของ “มดซอมบี้” ในสารคดีชุดนี้ได้กลายเป็นแรงจูงใจในการสร้างวิดีโอเกมยอดฮิต The Last of Us รวมทั้งซีรีส์ที่มีโครงเรื่องเดียวกัน

ทั้งยังในเกมแล้วก็ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของเชื้อราคอร์ดิเซปส์ที่ข้ามขั้นจากการหาเหยื่อที่เป็นแมลงมาเป็นการเข้าครอบครองร่างของผู้คน กระทั่งนำไปสู่การระบาดใหญ่ที่เผาผลาญเชื้อสายมนุษย์

แต่ว่าในโลกของความจริงมีความเป็นไปได้ขนาดไหนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อคอร์ดิเซปส์ หรือเชื้อเห็ดราชนิดอื่นๆ

ดร.นีล สโตน ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อราจากโรงพยาบาลโรคเขตร้อนในกรุงลอนดอนให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า “ผมคิดว่าพวกเราประเมินความเสี่ยงจากการติดเชื้อราต่ำเกินไป”

“พวกเรามีความคิดเช่นนี้มายาวนาน และไม่มีการเตรียมรับมือกับการระบาดใหญ่ของเชื้อราอย่างสิ้นเชิง” เขากล่าว

ช่วงสิ้นเดือน ตุลาคม 2022 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ได้ออกรายชื่อเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อชีวิต

บัญชีดังกล่าวประกอบไปด้วยเชื้อราร้ายแรงหลากหลายประเภท แต่ไม่มีชื่อของเชื้อราคอร์ดิเซปส์ปรากฏอยู่ด้วย เหตุใดจึงเป็นแบบนั้น

ดร.ชาริสซา เดอ เบกเกอร์ นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งศึกษาเรื่องที่เชื้อราคอร์ดิเซปส์เปลี่ยนมดให้มีพฤติกรรมเสมือนซอมบี้ กล่าวว่าเธอมองไม่เห็นว่าสถานะการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้

เธออธิบายว่า “อุณหภูมิร่างกายของเราสูงเกินกว่าที่เชื้อราส่วนใหญ่จะสามารถเข้ามาอาศัยและเจริญเติบโตได้ ซึ่งนี่ก็เป็นกรณีเดียวกันสำหรับเชื้อราคอร์ดิเซปส์”

“ระบบประสาทของพวกมันไม่ซับซ้อนเท่าของคนเรา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะเข้าควบคุมสมองของแมลงเมื่อเทียบกับของมนุษย์ นอกจากนี้ระบบภูมิคุ้มกันของมันยังแตกต่างจากของพวกเรามาก” ดร. เดอ เบกเกอร์ กล่าว

นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ระบุว่า เชื้อราคอร์ดิเซปส์ส่วนใหญ่มีวิวัฒนาการในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาให้แพร่เชื้อสู่แมลงได้อย่างเฉพาะเจาะจงเพียงชนิดพันธุ์เดียว เชื้อส่วนใหญ่จะไม่กระโดดข้ามจากแมลงชนิดหนึ่งไปสู่ชนิดอื่น

ดังนั้น ดร. เดอ เบกเกอร์ ชี้ว่า “การที่เชื้อราชนิดนี้จะแพร่จากแมลงชนิดหนึ่งมาทำให้มนุษย์ติดเชื้อได้นั้นจะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่มาก”

เดอะลาสต์ออฟอัส

เดอะลาสต์ออฟอัส ภัยจากเชื้อราที่อันตรายกว่าคอร์ดิเซปส์

ดร.สโตน ผู้ที่มีความชำนาญด้านเชื้อราจากโรงพยาบาลโรคเขตร้อนในกรุงลอนดอนเตือนว่า ภัยคุกคามจากเชื้อราเป็นสิ่งที่ผู้คนนิ่งเฉยมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

หากแม้ในบรรดาเชื้อราที่พบบนโลกหลายล้านชนิดพันธุ์ จะมีเพียงไม่กี่ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคร้ายได้ แต่เชื้อรากลุ่มเล็กๆเหล่านี้ก็อาจเป็นภัยคุกคามชีวิตผู้คน มีข้อมูลว่าในแต่ละปีมีคนตายจากเชื้อราก่อโรคราว 1.7 ล้านคน หรือประมาณ 3 เท่าของผู้เสียชีวิตจากเชื้อมาลาเรีย

เชื้อราที่ WHO จัดให้เป็นเชื้อที่น่ากังวลอย่างยิ่งมีอยู่ด้วยกัน 19 ชนิด ซึ่งรวมถึงเชื้อราดื้อยา “แคนดิดา ออริส” (Candida auris) ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้แล้วก็มีอันตรายถึงชีวิต รวมทั้งเชื้อราดำมรณะ “มิวคอร์ไมโคซิส” (mucormycosis) ที่กัดกินเนื้อเยื้อของเหยื่ออย่างรวดเร็วจนทำความเสียหายบนใบหน้า

ดร.สโตน ระบุว่า เชื้อแคนดิดา ออริส เป็นชนิดที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าหากเราได้รับเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด ระบบประสาท และอวัยวะภายใน

WHO ประเมินว่า ราวครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อแคนดิดา ออริสจะได้รับอันตรายรุนแรงจนเสียชีวิต

“มันเหมือนอสุรกายที่อุบัติขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน แต่ปัจจุบันพบได้ทั่วโลก” ดร.สโตนกล่าว

มีรายงานการตรวจพบเชื้อแคนดิดา ออริสครั้งแรกในหูของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุมหานครโตเกียวในปี 2009

แคนดิดา ออริส สามารถทนทานต่อยาต้านเชื้อรา แล้วก็บางชนิดพันธุ์ยังทนทานต่อยาทุกชนิดที่มีอยู่ในขณะนี้ นี่ก็เลยทำให้มันถูกจัดอยู่ในกลุ่มเชื้อดื้อยา

การติดเชื้อแคนดิดา ออริสมักเกิดขึ้นผ่านพื้นผิวในโรงพยาบาลที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ เชื้อสามารถเกาะติดที่สายสวนหลอดเลือดดำ และปลอกแขนวัดความดันโลหิต ซึ่งการกำจัดเชื้อทำได้ยากมาก หลายครั้งโรงพยาบาลมักจำต้องปิดหอผู้ป่วยทั้งแผนก

มดติดเชื้อรา มดซอมบี้

เชื้อราอันตรายอีกชนิดคือ คริปโตค็อกคัส นิโอฟอร์แมนส์ (Cryptococcus neoformans)

ที่สามารถเข้าสู่ระบบประสาทของมนุษย์และก็ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

เอลลีรู้ซึ้งถึงอันตรายของเชื้อราชนิดนี้เป็นอย่างดีในขณะที่เธอกับ ซิด สามีไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่คอสตาริกา แล้วเอลลีก็ล้มป่วยจากการติดเชื้อคริปโตค็อกคัส

ตอนนั้นเอลลีเริ่มจากมีอาการปวดศีรษะแล้วก็อ้วก แล้วก็เริ่มชักอย่างร้ายแรงจนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ผลการสแกนพบว่าเอลลีมีลักษณะอาการสมองบวม แล้วก็ผลการตรวจการันตีว่าเธอติดเชื้อคริปโตค็อกคัส แต่โชคดีที่เอลลีสนองตอบการดูแลและรักษาได้เป็นอย่างดี

“ฉันจำได้ว่าตัวเองกรีดร้อง” เอลลีเล่าถึงตอนที่ตัวเองเกิดอาการประสาทหลอน ปัจจุบันเธอหายป่วยแล้ว แต่ยอมรับว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเชื้อราจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงเพียงนี้

ส่วนเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส ซึ่งได้รับฉายาว่า “เชื้อราดำมรณะ” นับว่าเป็นเชื้อฉวยโอกาสที่จะเข้าโจมตีผู้มีภูมิคุ้มครองต่ำ

ดร.รีเบกกา กอร์ตัน จาก Health Services Laboratory หน่วยบริการด้านพยาธิวิทยารวมทั้งการวินิจฉัยโรคในกรุงลอนดอน ระบุว่า เชื้อมิวคอร์ไมโคซิสพบได้ยากในมนุษย์ แต่ถ้าเกิดได้รับเชื้อก็จะเป็นอันตราย การติดเชื้อร้ายแรงมักมีผลต่อจมูก ดวงตา รวมทั้งสมอง

ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อินเดียมีรายงานพบผู้ติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสเป็นจำนวนมาก และก็มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวโยงกับเชื้อราชนิดนี้กว่า 4,000 คน

การติดเชื้อรามีความแตกต่างจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส มนุษย์มักติดเชื้อราจากสภาพแวดล้อม มากกว่าการรับเชื้อจากการไอหรือจาม

มนุษย์เรามักสัมผัสกับเชื้อราอยู่เป็นประจำ แต่เชื้อราจะทำให้เราล้มป่วยได้ก็เมื่อร่างกายเรามีภูมิปกป้องอ่อนแอ

ดร.สโตนกล่าวว่า การระบาดใหญ่ของเชื้อราอาจเกิดขึ้นในแบบอย่างที่ต่างจากการระบาดของโควิด ในแง่ของลักษณะการระบาดแล้วก็ผู้ติดเชื้อ

เขารู้สึกว่ามีความเสี่ยงที่โลกจะพบเจอการระบาดใหญ่ของเชื้อรา เพราะเหตุว่าปัจจัยต่างๆยกตัวอย่างเช่น การที่มีเชื้อราอยู่อย่างดาษดื่นในสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเดินทางระหว่างประเทศ ตลอดจนจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และก็ความละเลยในการรักษาผู้ติดเชื้อ

ถึงแม้เชื้อราจะไม่ทำให้มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ แต่ก็อาจเป็นภัยคุกคามสาธารณสุขมากกว่าแค่ปัญหาเชื้อราตามเท้านักกีฬา

ที่มา BBCThai